ลูกป่วยบ่อยๆ ไม่มีคุณพ่อคุณเเม่ที่ไหนจะแฮปปี้ค่ะ เพราะลูกจะยิ่งงอแงนอนยาก ทำให้คุณพ่อคุณเเม่ไม่ได้พักผ่อนไปด้วย เด็กบางคนถึงขั้นพัฒนาการถดถอยเลยนะคะ ดังนั้นถ้า ลูกไม่ป่วยบ่อยอีกต่อไปเเล้ว ด้วย 10 วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูก ก็คงจะดีมากเลยใช่ไหมละคะ
ในนมคุณเเม่มีนอกจากจะมีน้ำตาลเเละไขมันที่หาไม่ได้จากนมชนิดอื่น ช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูกเเล้ว ยังมีแอนติบอดี้เเละเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้อีกด้วยค่ะ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เเละ UNICEF เเนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมเเม่อย่างเดียว อย่างน้อยเป็นเวลา 6 เดือน เเละถ้าเป็นไปได้ให้เลี้ยงด้วยนมเเม่ต่อไปอีก 1 ปี เพราะเมื่อเทียบกันเเล้วเด็กนมผงจะมีเเนวโน้มป่วยเป็นจากโรคปอดบวม ไข้หวัดลงกระเพาะอาหาร หูชั้นกลางอักเสบ มากกว่าเด็กที่กินนมเเม่ล้วนค่ะ
โภชนาการเเละสารอาหารที่ลูกได้รับคือรากฐานสำคัญของการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ลูกค่ะ ผลไม้ที่ลูกกินได้เรื่อยก็อย่างเช่น แอปเปิ้ล เเครอท มันเทศ ถั่ว บรอกโคลี กีวี เมลอน ส้ม เเละสตรอว์เบอร์รี่ โดยผลไม้เเต่ละอย่างควรล้างให้สะอาด เเละกินสดๆ โดยไม่ผ่านความร้อนค่ะ หากลูกกินยากลองเอามาทำน้ำผักผลไม้หรือสมูทตี้ปั่นโดยไม่ต้องกรองกากไปเลยก็ได้นะคะ ปริมาณที่เเนะนำคือ ผักเเละผลไม้ 1 ถ้วยตวงต่อวันค่ะ
เเละปริมาณที่เด็กๆ ที่โตขึ้นไปต้องการคือ ช้อนโต๊ะ:อายุ:มื้อ เช่น ถ้าลูกอายุ 2 ขวบ มื้อเช้าลูกต้องการ ผักเเละผลไม้ 2 ช้อนโต๊ะในมื้อเช้า มื้อเที่ยง เเละมื้อเย็นค่ะ รวมเป็นทั้งวันลูกจะได้รับผักเเละผลไม้ถึง 6 ช้อนโต๊ะด้วยกัน เเต่ถ้าลูกอยากกินมากกว่านี้ก็จะยิ่งดีนะคะ
นอกจากนี้ถั่ว เมล็ดพืช เเละธัญพืชต่างๆ อุดมไปด้วยวิตามินเอ บีสอง บีหก วิตามินซี สังกะสี เเละเซเลเนี่ยม มีกรดไขมันที่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เเก่ร่างกายของลูกค่ะ
การนอนหลับที่มีคุณภาพเเละเหมาะสมกับวัย เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตเเละต่อความเเข็งเเรงของร่างกายด้วยนะคะ หากเด็กๆ นอนหลับไม่เพียงพอจะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันได้นะคะ
เด็กทารกเเรกเกิดต้องการการนอนหลับอย่างน้อย 18 ชั่วโมงต่อวัน เเละในวันประถมต้องการการนอนหลับอย่างน้อน 10-14 ชั่วโมงต่อวัน โดยขึ้นอยู่กับอายุเเละคุณภาพของการนอนหลับเป็นสำคัญค่ะ ห้องนอนที่เหมาะสมต้องมืดสิน เงียบ เเละอากาศถ่ายเท ร่างกายของลูกจะผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งทำงานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพค่ะ
เด็กๆ ก็สามารถออกกำลังกายได้เเล้วนะคะ โดยควรจะออกกำลังกายทุกวัน วันละ 30 จะช่วยให้ร่างกายเเละภูมิคุ้มกันร่างกายเเข็งเเรง ไม่ป่วยง่ายค่ะ วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยจูงใจให้ลูกหันมาออกกำลังกายคือ พ่อแม่ต้องทำเป็นตัวอย่างค่ะ ง่ายๆ ก็เเค่การเดิน วิ่ง วิ่งเหยาะ ขี่จักรยาน วันละ 30 นาที หรือถ้าลุกต้องการเรียนว่ายน้ำหรือเรียนเทนนิสก็ปล่อยได้เต็มที่เลยนะคะ นอกจากนี้กิจกรรมกลางเเจ้งทั้งหลายที่ต้องออกเเรงอย่างทำสวนก็นับว่าเป็นการออกกำลังกายค่ะ
ธรรมชาติกับสิ่งมีชีวิตเป็นของคู่กันค่ะ เเต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่า ในเมืองไทยนั้นอากาศนับวันจะร้อนขึ้นทุกทีนะคะ จาก 10 ปีที่เเล้ว ที่ยังนั่งตากเเดดสักชั่วโมงได้สบายๆ เพราะไม่ร้อนมากเเละมีลมพัดตลอด ปัจจุบันการนั่งตากเเดดเเค่ 2 นาที ทำให้ผิวหนังเเสบเเละร้อนจนขนลุกได้
อย่างไรก็ตาม หากคุณพ่อคุณเเม่มีสวนสาธารณะหรือบริเวณบ้านที่ไม่ร้อนมาก มีร่มเงาของต้นไม้เเละมีลมที่พัดตลอดทั้งวัน การพาลูกออกนอกบ้านเป็นประจำในช่วงเช้าๆ เพื่อรับวิตามินดี สักวันละ 20 นาที จะช่วยให้ลูกเเข็งเเรงไม่ป่วยบ่อยนะคะ นอกจากนี้ลูกยังจะได้เช่นกับต้นไม้ใบหน้า กระโดดโลดเต้นไปเรื่อยๆ ได้ออกกำลังกายด้วยค่ะ
การให้เวลาเเละความรักกับเด็กๆ ทุกวัยคือสิ่งที่เป็นหน้าที่ที่พ่อแม่พึงกระทำ เพราะมีประโยชน์ในทุกๆ ทางค่ะ พัฒนาการลูกจะเหมาะสมตามวัย ภูมิคุ้มกันร่างกายจะเเข็งเเรง โดยที่คุณพ่อคุณเเม่ไม่ต้องไปสรรหาของขวัญราคาเเพงๆ ของเล่นทั้งหลายที่ได้รับรางวัล ลูกในวัยนี้ต้องการเวลาเเละความสนใจจากคุณพ่อคุณเเม่
หากคุณพ่อคุณเเม่เจอวันเเย่ๆ มา ควรหาทางคลายเครียดด้วยวืธีอื่นๆ ก่อนค่ะ ปรับอารมณ์เเละผ่อนคลาย ก่อนที่จะมาอยู่กับลูก เพราะเด็กๆ นั้นจะรับรู้เเละจับความรู้สึกของคุณพ่อคุณเเม่ได้ไวมากๆ เลยนะคะ
การสอนเเละเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ลูกมีสุขอนามัยนั้น มันจะติดตัวลูกไปตลอดชีวิตนะคะ เเม้ไม่ได้ช่วยภูมิคุ้มกันร่างกายเเข็งเเรงขึ้น เเต่ก็ช่วยป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้นค่ะ การล้างมือที่ถูกต้องอย่างน้อย 20 นาที เเละถูทุกซอกมุม จะช่วยลดโอกาสเป็นไข้หวัดธรรมดาเเละไข้หวัดใหญ่ได้นะคะ
เด็กๆ ควรล้างมือหลังจากเล่นนอกบ้าน หลังจากเลิกเรียน หลังจากเข้าห้องน้ำ หลังจากเล่นกับสัตว์เลี้ยง เเละก่อนกินข้าวหรือกินขนมค่ะ เเปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง อย่าใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ หรือหมกเสื้อผ้าที่ใช้เเล้วไว้ในห้อง อาบน้ำทุกวัน ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือทิชชู่ขณะไอหรือจาม ตัดเล็บเเละดูเเลเล็บให้สะอาด
นอกจากนี้คุณพ่อคุณเเม่ก็ควรดูเเลบ้านช่องให้สะอาดเเละปราศจากเชื้อโรคค่ะ เเต่ไม่จำเป็นต้องห้ามมีเเบคทีเรียอยู่ในบ้านเลย นั่นก็เพราะร่างกายคนเราตามธรรมชาติไม่ได้สะอาดปราศจากเชื้ออยู่ตลอดเวลา การทำเช่นนั้นเป็นผลร้ายต่อภูมิคุ้มกันร่างกายได้นะคะ
มีโรคเพียงไม่กี่โรค เเละอาการเพียงไม่กี่อาการ ที่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ เพราะเมื่อร่างกายของลูกได้รับยาฆ่าเชื้อ ตัวยาจะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของลูก เเละฆ่าเชื้อเเบคทีเรียที่ไม่ดีเเละดีไปด้วย เเละหากลูกได้รับยาฆ่าเชื้อบ่อยเกินไปก็จะทำให้เชื้อเกิดดื้อยาขึ้นมาได้นะคะ เเละในเรื่องของวัคซีน หากลูกไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนทุกตัวนะคะ
โพรไบโอติกส์มีเเบคทีเรียที่ดีอยู่มากมาย ซึ่งจะช่วยทำหน้าที่ขับไล่เเบคทีเรียที่ไม่ดีออกไปจากร่างกายของลูกค่ะ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกัน่สางกายทำงานได้ดีขึ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกันของเยื่อเมือกของลำไส้ เเม้ว่าจะยังไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรก็ตามค่ะ
โพรไบโอติกส์มีอยู่ในโยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ คีเฟอร์ เเละกะหล่ำปลีดอง เเนะนำให้อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีแลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส กับเด็กที่อายุมากกว่า 7 ขวบค่ะ เเละเเนะนำให้อาหารหรือเครื่องดื่มที่มี จุลินทรีย์ Bifidus กับเด็กที่อายุน้อยกว่า 7 ขวบ โดยจุลินทรีย์ตัวนี้ก็จะมีอยู่ในนมเเม่ด้วยนะคะ
เช่น หากลูกไม่สบาย ลองให้ลูกกินนมขมิ้น โดยเฉพาะหากลูกเป็นหวัดเปลี่ยนฤดูค่ะ โดยการเติมผงขมิ้น 1/4 หรือ 1/2 ช้อนชากับผงพริกไทยดำซักเล็กน้อยลงในนม เติมน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อให้ดื่มได้ง่ายขึ้น ล้างใบโหระพาให้สะอาด เเล้วลองให้ลูกเคี้ยวทุกวัน หรือวิธีอื่นๆ โดยที่ไม่ต้องใช้ยาค่ะ
cr:
th.theasianparent.com
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |