ทารก”นอนกรน” บอกอะไร??
จะเกิดอะไรขึ้นหากทารกนอนกรน? บ่งบอกสาเหตุอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
****หากลูกน้อยมีอาการนอนกรนหรือนอนหายใจติดขัดเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ เพราะการกรนนี้เป็นการบอกสัญญาณว่าทารกกำลังมีปัญหากับสุขภาพร่างกายอย่างไร และจะมีสาเหตุอะไรบ้างมาดูกันค่ะ***
1.ระวังโรคอ้วนในเด็ก
เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบมากสำหรับทารกและเด็กในประเทศไทยค่ะ เนื่องจากโรคอ้วนเป็นผลจากการที่ทารกไม่ได้ดูแลควบคุมอาหาร ทานของหวานและของมันมากจนเกินไป จึงทำให้มีแคลอรี่และน้ำตาลในเลือดสูงส่งผลไปยังระบบทางเดินหายใจ หัวใจและหลอดเลือด โดยอาการกรนนั้นมาจากทางเดินหายใจอุดกั้นและเกิดภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับทำให้มีอาการกรนตามมาค่ะ
วิธีแก้ไขที่ดีช่วยได้มากสุดคือการควบคุมอาหารทารกค่ะ สำหรับการทานผลไม้แนะนำให้ทารกทานผลไม้สดที่บดหรือคั้นเท่านั้น เพราะน้ำผลไม้กล่องมีส่วนน้ำตาลสูง อีกทั้งการเลือกนมผงควรเลือกนมที่มีส่วนผสมของซูโครสน้อยที่สุดนะคะ
2.บอกอาการภูมิแพ้ในทารก
อาการภูมิแพ้ในเด็กที่มักพบเห็นบ่อย คือการที่ต่อมทอมซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ อยู่บริเวณด้านหลังจมูกมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งอาการภูมิแพ้เกิดการจากติดเชื้อที่ต่อมทอมซิลทำให้เกิดการอักเสบมีขนาดใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ตอนนอนมีอาการกรนตามมาค่ะ ซึ่งอาการภูมิแพ้นี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กทุกคนเสมอไป
วิธีการป้องกันอาการภูมิแพ้จากระบบทางเดินหายใจ ให้หมั่นทำความสะอาดห้องและเครื่องใช้ทารกอยู่บ่อยครั้ง เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองสิ่งสกปรกที่อาจไปกระตุ้นอาการภูมิในทารกได้ค่ะ
3.อาจเสี่ยงภาวะเยื่อบุจมูกอักเสบ
อีกหนึ่งโรคที่แสดงอาการกรนร่วมด้วยแม้จะไม่มีอาการรุนแรงในช่วงแรกแต่นำมาสู่ปัญหาในร่างกายได้ค่ะ เกิดจากอาการภูมิแพ้ผ่านทางระบบหายใจแสดงผ่านทางจมูก และเกิดอาการอักเสบเยื่อบุจมูกทำให้มีอาการคัน มีน้ำมูกไหล จามและคัดจมูกจาอาการเล็กน้อยไปจนถึงมาก ส่งผลให้ต้องหายใจทางปากและมีอาการกรนค่ะ
สำหรับอาการภูมิแพ้นี้มาจากพันธุกรรมของพ่อแม่ อย่างไรก็ตามการป้องกันสิ่งแวดล้อมรอบข้างก็สำคัญมากค่ะ งดการสูบบุหรี่ใกล้ทารกและอย่าพาทารกไปยังสถานที่ที่มีภาวะมลพิษสูง เพราะจะกระตุ้นอาการภูมินี้ได้ค่ะ
4.น้ำมูลไหลเยอะ
เนื่องจากทารกมีน้ำมูกที่มากจนเกินไปส่งผลให้เกิดการอุดตันทางเดินหายใจต้องหายใจทางปากและมีอาการกรนค่ะ วิธีแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือการดูดจมูกให้แก่ทารกค่ะ การดูดน้ำมูกที่อุดตันออกจากจมูกทารกจะช่วยให้ทารกหายใจได้อย่างโล่งมากขึ้น หากทำการดูดแล้วทารกยังมีอาการกรน หรือหายใจแรง ดังขึ้นและถี่กว่าปกติควรพบแพทย์ทันที เพื่อที่จะได้รับการปรึกษาวิธีการดูดจมูกที่เหมาะสมกับทารกนะคะ
5.กระดูกกล่องเสียงหย่อนตัว
อีกหนึ่งสาเหตุของการกรนคือเนื้อเยื่อบริเวณกล่องเสียงเกิดการหย่อนตัว โดยเกิดการย้อยลงมาบังช่องระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาการนี้จากการวิจัยจะหายไปภายใน 18-20 เดือนค่ะ และสำหรับอาการกล่องเสียงยวบตัวรุนแรงจะเกิดปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจและการรับประทานอาหารค่ะ ซึ่งวิธีการรักษาคือการผ่าตัดเท่านั้นเพื่อให้ทารกมีทางเดินหายใจที่ดีมากขึ้นและส่งผลดีต่อการรับประทานอาหารด้วยค่ะ
และนี่คือสาเหตุทั้งหมดของการกรนในทารกค่ะ หากทารกมีอาการกรนและหายใจติดขัด มีอาการกระสับกระส่ายรวมถึงเหงื่อชุ่มตัวให้พบแพทย์ทันทีนะคะ เพราะอาการกรนนี้ต่างมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นใส่ใจทารกอย่างใกล้ชิดและไม่นิ่งนอนใจต่ออาการกรนนะคะ
“ทุกปัญหาสุขภาพ ควรใส่ใจอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย”
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |