ข้อดี VS ข้อเสีย ของจุกหลอก

ข้อดี VS  ข้อเสีย ของจุกหลอก!

** ไม่อยากให้ลูกดูดนิ้ว จะให้ลูกดูดจุกหลอก ก็กลัวจะติดจนโต! มาดู ข้อดี VS  ข้อเสีย ของจุกหลอก! กันก่อนค่ะ *

    จุกหลอก เป็นหนึ่งในของใช้ทารกที่มักจะเห็นกันบ่อยๆใช่มั้ยคะ แต่มันจะดีหรือไม่ดีกับลูกอย่างไร มาดูกันค่ะ

ข้อดี

1. ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น

เด็กเล็กส่วนใหญ่จะอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ดูดอะไรบางอย่างค่ะ สังเกตได้จากการที่ลูกชอบดูดนิ้ว ตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยขึ้น

2. ช่วยให้นอนหลับได้ดี

การใช้จุกหลอกจะทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย หลับได้ง่ายและหลับสนิทนานขึ้น 

3. ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ

เมื่อต้องฉีดยาหรือเจาะเลือด การใช้จุกหลอกเป็นอีกวิธีที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของทารกได้ดี โดยเฉพาะ เพราะจะทำให้ผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัยค่ะ ลูกจะร้องไห้งอแง กลัวน้อยลงค่ะ

4. ป้องกันการติดดูดนิ้ว 

การดูดจุกหลอกจะช่วยให้เด็กไม่ดูดนิ้วได้ ซึ่งต้องบอกเลยนะคะว่า การติดนิสัยดูดนิ้วนั้น เลิกยากกว่าการดูดจุกหลอกค่ะ! เพราะหากไม่มีจุกหลอก ลูกอาจจะงอแงสักพัก แล้วก็เลิกติดไปเอง  

5. ลดความเสี่ยงต่อโรคไหลตายในทารก

มีงานวิจัยพบว่าการให้ทารกดูดจุกหลอกในขณะนอนหลับอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไหลตายได้ แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าสามารถช่วยได้จริงหรือไม่ค่ะ

ข้อเสีย

1. อาจสร้างปัญหาในช่องปาก

หากไม่ให้ลูกเลิกจุกหลอกในวัยตั้งแต่ตั้งแต่อายุ 6 เดือนจนถึง 1 ปี  โดยเฉพาะหากมีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป อาจเกิดปัญหาภายในช่องปากได้ เช่น ฟันขึ้นในลักษณะผิดปกติ หรือฟันเรียงตัวผิดปกติได้นะคะ

2. ติดจุกหลอก 

ลูกอาจติดเป็นนิสัย ต้องดูดจุกหลอกตลอดเวลาขณะนอนหลับ ซึ่งทำให้หลับยาก หากจึกนมหลุดก็อาจร้องไห้กลางดึกได้

3. เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่หู

เนื่องจากจุกหลอกอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคหากไม่มีการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม จึงอาจทำให้เด็กเสี่ยงติดเชื้อบริเวณหูชั้นกลางมากขึ้น 

4. ส่งผลเสียต่อการให้นมแม่

ควรเริ่มให้ลูกใช้จุกหลอกในวัย 3-4 เดือนเป็นต้นไป หากใช้จุกหลอกเร็วเกินไป ลูกอาจสับสนและอาจส่งผลกระทบต่อการดูดน้ำนมได้ค่ะ

**อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือคุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาถึงนิสัยของเจ้าตัวเล็กนะคะว่าเหมาะหรือไม่เหมาะอย่างไร รวมถึงปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัยค่ะ**

“เพราะการดูแลเด็ก ต้องใส่ใจแต่เล็กจนโต”