วิธีเลี้ยงเด็กทารก : ทารกเริ่มดูหน้าจอได้ตอนไหน ? (ทารกดูมือถือ)

ทารกเริ่มดูหน้าจอได้ตอนไหน ?

  บ้านนั้นซื้อเทปเล็ตให้ลูก..แล้วเราละ? อย่ารอช้าสิ! หยุดก่อนเลยค่ะ! ถ้าไม่อยากให้จอมาทำร้ายลูก มาดูคลิปนี้เลยค่ะ 

  ***หน้าจอกับทารกอาจเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ขวางกั้นพัฒนาการลูก แต่ถ้าเราเลือกใช้เทคโนโลยีกับลูกให้ถูกวิธีอย่างชาญฉลาด อาจกลายเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีได้เลยค่ะ ซึ่งคุณแม่ต้องทราบดีว่า ดวงตาของลูกที่เพิ่งเกิดนั้นมีความเปราะบางและไวต่อแสง ช่วงวัยไหนที่ลูกเริ่มฝึกมองผ่านหน้าจอได้อย่างปลอดภัย? มาดูกันค่ะ***

ลูกควรเริ่ม “มองหน้าจอ” ตอนไหน?

  ช่วงวัยที่ไม่ควรให้ลูกดูมากที่สุดคือช่วงอายุก่อน 2 ขวบค่ะ! ห้ามให้ลูกมองหน้าจอเด็ดขาดเลย เพราะจะส่งผลให้พัฒนาการของลูกช้าลงได้ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของการพูดและความคิด 

  เมื่อเข้าสู่วัย 2 ขวบขึ้นไป ให้ลูกเริ่มฝึกรู้จักกับหน้าจอได้เลยค่ะ แต่ต้องมีคุณพ่อคุณแม่คอยดูไปด้วยและกำกับอธิบายทุกสื่อที่ลูกกำลังดูนะคะ ต้องจำกัดการดูต่อวันไม่ควรเกิน 15 นาทีต่อวัน เพื่อลดโอกาสที่ลูกสายตาสั้นในตอนโตค่ะ ควรเลือกสื่อที่ดีและมีประโยชน์ต่อการช่วยพัฒนาการลูกนะคะ

สัญญาณแบบไหน ? ต้องรีบหยุด! “ลูกดูหน้าจอ”

  สัญญาณที่หน้าจอทำร้ายลูกเรา เมื่อทารกเข้าสู่วัยที่ 9-12 เดือน แต่ยังไม่เข้าใจการพูดของคุณพ่อคุณแม่ ไม่มีการพูดถ้อยคำที่มีความหมายแม้แต่คำเดียว ซึ่งอีกหนึ่งสาเหตุมาจากการดูหน้าจอที่ไวเกินไปค่ะ 

  และสัญญาณจะเริ่มเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่วัย 1 ขวบครึ่งแล้วก็ยังพูดไม่ได้อีก ถ้ามีอาการแบบนี้สิ่งแรกที่ต้องทำเลยค่ะ คืองดให้ลูกดูหน้าจอต่างๆ และรีบพบกุมารแพทย์เพื่อปรึกษาวิธีแก้ปัญหาพัฒนาการพูดของลูกให้ไวที่สุดค่ะ

ปัญหาจากการ “ให้ลูกดูหน้าจอ” ไวเกินไป!

1. พัฒนาการช้าลง!

  อย่างที่ทราบกันไปแล้วนะคะ การอยู่กับหน้าจอนานๆ จะทำให้ทารกพัฒนาการช้าลง ทั้งเรื่องภาษาและการพูด รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ สมาธิสั้น และยังส่งผลไปถึงการเรียนรู้ในตอนโตอีกด้วย

2. สุขภาพลูกย่ำแย่!

  เนื่องจากจอมีแสงสีฟ้าที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้ลูกสายตาสั้นได้ไวมากขึ้น และยังทำให้ลูกติดการเสพสื่อต่างๆ จนไม่ได้ทำกิจกรรมอื่นใช้ร่างกายน้อย เสี่ยงโรคอ้วนและอาการป่วยต่างๆ ตามมาได้ค่ะ

  ***พัฒนาการ 3 ปีแรกของลูกเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดค่ะ ดังนั้นการเข้าถึงหน้าจอต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจส่งผลกระทบในระยะยาวกับตัวลูกได้ พยายามเสริมกิจกรรมด้านสมองและร่างกายให้ลูกในช่วงนี้ให้มากที่สุดนะคะ***

“พัฒนาการของลูก พ่อแม่มีบทบาทมากที่สุด”