อาการทารก : ทารกร้องไห้แบบไหน? ไม่ปกติ! (เด็กทารกร้องไห้)

ลูกร้องไห้แบบไหน? ไม่ปกติ!

  ลูกร้องโยเยไม่หยุด! แบบนี้ปกติหรือต้องรีบไปหาหมอ! มาดูอาการร้องไห้ที่ไม่ปกติของทารกกันค่ะ

  ***อีกหนึ่งวิธีที่ทารกต้องการสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ คือ “การร้องไห้” นั่นเองค่ะ เพราะลูกยังไม่สามารถพูดคุยได้เลยเป็นวิธีที่ชัดเจนมากที่สุด 

  โดยลูกสามารถร้องได้ได้หลายสาเหตุเลย เช่น หิวนม ง่วงนอน เหนื่อยล้า ไม่สบายตัวหรือแม้แต่ความกลัวค่ะ ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น  แต่ถ้าลูกร้องไห้แบบไหนละ? ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ! เพราะทารกสุขภาพกำลังมีปัญหา มาดูกันเลย!***

แบบที่ 1 ลูกร้องไห้ติดต่อไปกันเกิน 3 ชั่วโมง!

  ลูกร้องไม่หยุดยาวนานแบบนี้ผิดปกติแน่นอนค่ะ! โดยส่วนใหญ่มักจะพบอาการนี้ในทารกอายุ 2-3 สัปดาห์ และอาการร้องยาวนานแบบนี้เรียกว่า “อาการโคลิค” ค่ะ 

  ซึ่งอาการนี้ทารกจะร้องไห้ติดต่อยาวนานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน เป็นเพราะลูกมีความรู้สึกไม่สบายตัว ถ้าลูกร้องไห้แบบนี้ถี่กันเกิน 3 วันต่อสัปดาห์ แนะนำให้พาลูกพบแพทย์เพราะร่างกายอาจกำลังป่วยและต้องการการรักษาค่ะ

แบบที่ 2 มีไข้ อาเจียนและท้องเสีย!

  ถ้าพบว่าลูกร้องไห้พร้อมมีอาการผิดปกติร่วมด้วยอย่างมีไข้อ่อนๆ และอาเจียน รวมไปถึงถ่ายเสียกลิ่นแรง อาจเป็นเพราะลูกกำลังติดเชื้อในลำไส้ จากการติดเชื้อผ่านทางการกิน เช่น อาหารที่ไม่สะอาดหรือกัดของเล่นที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดดี ก็ทำให้ทารกติดเชื้อและป่วยด้วยสาเหตุนี้ได้ค่ะ 

แบบที่ 3 ร้องแผดเสียงดัง ขางอเข้าหาตัว!

  อาการนี้แน่นอนค่ะ ว่ากำลังบอกว่าลูกเรากำลังปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่กระเพาะลูกในตอนนี้มีแก้สอยู่มาก เป็นผลจากการที่อาหารยังย่อยไม่ดีสนิท เลยทำให้เกิดอการท้องอืด ท้องเฟ้อ ที่ทำให้ลูกปวดท้องแบบที่สุด 

  แนะนำหลังจากที่ลูกรับประทานเสร็จแล้วให้อุ้มลูกเรอทุกครั้งหรือผายลม เพื่อให้ร่างกายระบายลมออก หากให้นมผงในช่วงนี้ควรดูการผสมของนมกับน้ำให้เข้ากันดี เพราะผงนมที่ไม่ละลายสนิทจะทำให้ทารกท้องอืดได้ด้วยค่ะ

  ***แม้การร้องไห้จะเป็นวิธีสื่อสารที่ดีที่สุด แต่ถ้าการร้องพบความผิดปกติก็ไม่ควรละเลยเลยค่ะ สุขภาพของทารกแรกเกิดไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นหน้าที่ของพ่อแม่ต้องคอยดูแลลูกอย่างถี่ถ้วน ความสะอาดของอาหาร พาลูกเรอหรือสังเกตอาการป่วย ทุกๆอย่างต้องอยู่ในสายตาของเราเสมอนะคะ***

“พัฒนาการของลูก พ่อแม่มีบทบาทมากที่สุด”