" ไข้ กับ เด็กทารก" เป็นของคู่กัน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ใที่พ่อแม่ต้องรู้ โดย พญ. กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล อาจารย์ กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อ และเมตาบอลิสม (Pediatric endocrinologist)เพื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่ดูแลลูกรักได้อย่างถูกต้องดังนี้
ควรให้ลูกกินยาลดไข้เมื่อไหร่
ควรป้อนยาลดไข้ เมื่อรู้สึกว่าลูกตัวร้อนหรือไข้ขึ้น คือ วัดปรอททางรักแร้ได้มากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ควรกินเฉพาะเวลามีไข้ ถ้าไม่มีไข้ ไม่จำเป็นต้องให้เด็กกินยาลดไข้ “ดัก”ไว้ล่วงหน้า
ทำไมกินยาลดไข้แล้ว ยังต้องเช็ดตัวอีก
คำตอบ : เพราะกว่ายาพาราเซตมอลที่กินเข้าไป จะออกฤทธิ์เต็มที่ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงค่ะ ระหว่างนี้พ่อแม่ควรเช็ดตัวด้วยน้ำก๊อกธรรมดาหรืออุ่นเล็กน้อย เพื่อให้ลูกสบายตัวขึ้น
“ยาลดไข้ธรรมดา” กับ “ยาลดไข้สูง”ต่างกันยังไง ให้กินแแบบไหนดี
ยาลดไข้ธรรมดา ชื่อ paracetamol ส่วนยาลดไข้สูง ชื่อ ibuprofen แนะนำให้ใช้ยา paracetamol เพราะเป็นยาสามัญประจำบ้าน และปลอดภัยมากกว่า
ส่วนยา ibuprofen มีผลข้างเคียง และห้ามใช้ในกรณีที่เด็กเป็นโรคที่มีความเสี่ยงต่อเลือดออก เช่น โรคไข้เลือดออกที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้
ในแต่ละมื้อควรกินยาห่างกันอย่างน้อยกี่ชั่วโมง
สำหรับยาลดไข้ธรรมดา paracetamol ควรห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ส่วนยาลดไข้สูง ibuprofen ห่างกันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ในกรณีที่ได้ยามาทั้ง 2 ตัว ให้แยกนับกันค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น กินยา paracetamol ไปตอน 8 โมงเช้า เร็วสุดที่กินได้ในมื้อต่อไปคือ ตอนเที่ยง แต่ถ้าตอนเที่ยง วัดปรอทแล้ว ลูกไม่มีไข้ ก็ไม่จำเป็นต้องกิน
ถ้าลูกเคยมีประวัติไข้สูงแล้วชัก จำเป็นต้องกินยาลดไข้สูงมั้ย
ไม่จำเป็นค่ะ เพราะทั้ง“ยาลดไข้ธรรมดา” กับ “ยาลดไข้สูง” ไม่สามารถป้องกันภาวะชักจากไข้สูงได้ เพียงแต่ทำให้เด็กสบายตัวขึ้นเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งคือ บางคนมีไข้ไม่สูงมากก็ชักได้เช่นกัน ดังนั้น พ่อแม่ควร มีความรู้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อลูกมีอาการชักควบคู่ไปด้วย
จริงๆแล้วการที่เด็กมีไข้ เป็นกลไกหนึ่งในการกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกาย ทำให้หายกลับเป็นปกติ ดังนั้นไข้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และไข้ต่ำหรือสูงไม่ได้บอกความรุนแรงของโรค
บทความจาก : www.mamaexpert.com
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |