พัฒนาการการมองลูก มีตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ถ้าคุณแม่ในระหว่างตั้งครรภ์ได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสม สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาเสพติด มีโอกาสสูงที่ลูกที่เกิดมาจะมีประสาทตาฝ่อ มองไม่เห็นทั้ง 2 ตาเลย
การค้นพบว่า หากในระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่มีการกินยาแอสไพรินหรือยาแก้ปวดลดไข้ก็จะทำให้เด็กมีโอกาสที่จะคลอดก่อนกำหนดได้ ทำให้น้ำหนักแรกเกิดน้อย ซึ่งก็ส่งผลต่อตาเช่นกัน อันดับแรกก็คือ อาจจะมีจอประสาทตาเสื่อม อันดับสองคือ พบภาวะสายตาสั้น สายตาเอียง ตาเหล่ มากกว่าเด็กทั่ว ๆ ไป
ดังนั้นอาหารที่แม่ตั้งครรภ์ควรกินเพื่อส่งเสริมพัฒนาการสายตาลูกในท้อง คือ อาหารที่ครบ 5 หมู่ สารอาหารที่สำคัญ คือ โฟเลต เพราะโฟเลตมีผลต่อการผลิตท่อสมอง เมื่อเริ่มมีการปฏิสนธิ เซลล์ต่าง ๆ ก็จะเริ่มแตกตัว ฉะนั้นถ้าจะให้ดีเราควรกินโฟเลตแต่เนิ่น ๆ แล้วช่วงที่สำคัญที่สุดก็คือ 2 สัปดาห์แรกหลังการปฏิสนธิซึ่งตัวอ่อนกำลังมีการสร้างตัวและฟอร์มท่อสมองขึ้นมา ฉะนั้นหากกินโฟเลตหลังจากที่รู้ว่าตั้งครรภ์ อาจเลยช่วงเวลาทอง 2 สัปดาห์แรกมาแล้ว
กระตุ้นการมองเห็นของลูกแต่ละช่วงวัย2-3 วันแรก
เด็กจะยังไม่มอง ไม่มีโฟกัส คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องตกใจไปเพราะ 2-3 วันแรกเด็กจะยังโฟกัสไม่ได้ เมื่อมองหน้าแม่ก็จะเห็นเป็นแบบราง ๆ เท่านั้นเอง ส่วนใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการตรวจตาเด็กตั้งแต่วันแรกที่เด็กคลอดออกมา เพราะจริง ๆ แล้วเราสามารถตรวจพบภาวะต้อกระจกได้ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งถ้าต้อกระจกนี้เกิดขึ้นในเด็กแล้วจะส่งผลให้เด็กเกิดภาวะตาเหล่ ตาสั่น (ตาไม่อยู่นิ่ง สั่นตลอดเวลา) ภาวะตาขี้เกียจ หรือพัฒนาไปเป็นต้อหินได้สัปดาห์แรก
เด็กจะมองเห็นเป็นสีเทา ๆ เห็นหน้าแม่ราง ๆ เราพบว่าถ้าแม่เลี้ยงลูกด้วยการให้นมแม่ ให้นมทางซ้ายบ้างทางขวาบ้าง โดยที่แม่ไม่ได้เปลี่ยนทรงผมมาก เด็กจะจำหน้าแม่ได้เร็ว แล้วสิ่งนั้นจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กมาก แล้วด้วยความที่เด็กยังมองเห็นไม่ชัด เป็นแค่โครงร่างสีเทา ๆ เมื่อเด็กเห็นโครงหน้าแม่แบบเดิม ๆ เขาก็จะจำได้ แล้วเมื่อมีคนอื่นที่ไม่ใช่แม่มาอุ้มเขาก็จะรู้ว่านี่ไม่ใช่แม่
กระตุ้นพัฒนาการลูก วิธีที่จะช่วยกระตุ้นการมองเห็นเมื่อแรกเกิดที่ดีคือแม่ควรเป็นคนเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แล้วก็เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ไม่ควรเปลี่ยนทรงผมบ่อย ควรทำทรงผมทรงเดิม ลูกจะจดจำได้ง่ายขึ้น1 เดือน
ในช่วง 1 เดือนแรกลูกอาจมีอาการตาเหล่ได้นิดหน่อย ทั้งตาเหล่เข้าในและออกนอก แต่ภาวะนี้จะหายไปเองเมื่ออายุ 2- 3 เดือน ยกเว้นว่าเหล่แบบที่ตาดำหายไปเลย อาการนี้ต้องรีบพาไปพบแพทย์
กระตุ้นพัฒนาการลูก ควรตกแต่งห้องด้วยสีสว่าง ๆ แขวนปลาตะเพียนหรือโมบายที่เป็นสีสันสดใส โดยเฉพาะสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว ซี่งเด็กจะสามารถมองเห็นได้ดี ให้ขยับไปขยับมาในระยะประมาณ 1 ฟุต จะเป็นการกระตุ้นการมองเห็นของเด็กได้2-3 เดือน
จากภาพที่เห็นลาง ๆ ก็จะเริ่มมองเห็นได้ดีขึ้น เริ่มเป็นรูปร่าง เริ่มกลอกตาซ้ายขวาได้ การมองเห็นก็จะเริ่มดีขึ้น ในช่วงวัยนี้เด็กควรจะมองหน้าแม่แล้ว พอแม่ยิ้มเขาควรจะยิ้มตอบ ภาวะตาเหล่นิดหน่อยที่เห็นในช่วงเดือนแรกควรจะหายไป ตาควรจะอยู่ตรงกลาง ไม่ควรมีอาการตาสั่น เพราะถ้ายังสั่นน่าจะมีพยาธิสภาพเกิดขึ้น อาจเกิดจากลูกตาหรือระบบประสาท ถ้ายังมีอาการอยู่ควรพาไปพบแพทย์
กระตุ้นพัฒนาการลูก ควรหาวัสดุใหม่ ๆ เข้ามาแต่งห้องให้มีสีสันเพิ่มมากขึ้น คุณแม่ควรจะพูดกับลูก เวลาเราเดินไปรอบ ๆ ห้องควรพูดกับเขาด้วย เพื่อฝึกเด็กในเรื่องการได้ยินและการมองตามคุณแม่4-6 เดือน
เด็กจะเห็นภาพได้คมชัดดีใกล้เคียงกับผู้ใหญ่ และมีพัฒนาการในการมองควบคู่กับการใช้มือหยิบจับ ในประเทศที่พัฒนาแล้วแนะนำให้เด็กได้รับการตรวจตา ถามว่าทำไมเด็กตัวแค่นี้ต้องตรวจตาด้วย เพราะอาจจะพบอุบัติการณ์ของมะเร็งจอตาได้ เพื่อการรักษาที่รวดเร็วหากเจอตั้งแต่เริ่มต้น ยังเป็นแค่จุดเล็ก ๆ เราสามารถรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ก็อาจจะหายได้
กระตุ้นพัฒนาการลูก ของเล่นต่าง ๆ ควรวางในระยะที่เขาเอื้อมถึงก็จะเป็นการกระตุ้นการมองเห็นของเขา ทั้งฝึกการมองและกล้ามเนื้อของเขา แล้วเขาก็จะเรียนรู้พื้นผิวของเล่น ฉะนั้นของเล่นควรเลือกแบบพื้นผิวไม่เรียบ และสีก็เป็นแบบปราศจากสารพิษตกค้าง7-12 เดือน
การมองเห็นเริ่มดีขึ้น ตา 2 ข้างเริ่มทำงานประสานกัน มีการทำงานของมือที่ประสานกับการทำงานของตาได้ดีขึ้น
กระตุ้นพัฒนาการลูก คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้ด้วยการคลานเล่นกับลูก แล้วก็หาของเล่นที่มีสีสันแต่ไม่แหลมคม เช่น บล็อกไม้ ตัวต่อ เด็กก็จะรู้สึกสนุก และอยากที่จะเล่น เอาของเล่นวางไว้แล้วให้ลูกคลานไปหยิบก็เป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อให้มีการเคลื่อนไหวด้วย1-2 ขวบ
เด็กเริ่มหัดเดิน การมองเห็นต่าง ๆ ก็จะเริ่มดีขึ้น ใกล้เคียงกับผู้ใหญ่มาก แต่ช่วงวัยนี้สิ่งที่เราจะพบเจอได้บ่อยก็คือ ภาวะตาเหล่ ซึ่งเกิดจากภาวะสายตายาว ซึ่งถ้าพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะสามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด อาจจะให้ใส่แว่นสายตาเพื่อปรับระยะการมองเห็น2-3 ขวบ
เป็นช่วงวัยที่เด็กจะเริ่มแสดงความผิดปกติทางสายตาออกมาให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น โดยปัญหาสายตาในเด็กเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ 1. กรรมพันธุ์ 2. สิ่งแวดล้อม
Cr: http://baby.kapook.com/
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |