วัย 3 เดือนแรก เป็นช่วงที่ทารกยังใหม่ต่อโลกใบนี้จึงต้องการให้มีคนอยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยดูแลระวังคุ้มกันภัยให้ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ เพราะลูกจะได้ดูดนมแม่ได้เต็มที่ แต่หลังจาก 3 เดือน ลูกจะเริ่มปรับตัวกับโลก สนใจสิ่งแวดล้อมเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น คุณแม่จึงควรฝึกให้ลูกเล่นเองคนเดียวในที่ปลอดภัยบ้าง โดยคุณแม่อาจเดินไปทำงานบ้านเป็นพักๆ เพื่อให้ลูกเรียนรู้ว่า ไปแล้วก็กลับมา ไม่ได้หายไปเลย ถึงแม้ว่าลูกจะร้องไห้ ร้องกรี๊ด ก็อย่าชะงัก อย่าลังเลหรือมีสีหน้าเครียด ไม่กล้าเดินไปจากลูก เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกกลัวว่าการที่ไม่มีคุณแม่อยู่ด้วยเป็นเรื่องที่น่ากลัว ไม่สนุก ให้คุณแม่ทำหน้ายิ้มๆ พูดกับลูกว่า เดี๋ยวแม่มาหาลูกเล่นไปก่อนนะ บ๊ายบาย
ถ้าลูกยังร้องกรี๊ดไม่หยุดเพื่อให้คุณอุ้ม ให้เบี่ยงเบนความสนใจ เอาของเล่นมาโชว์ลูก หรือทำท่าตลกๆ ให้ลูกดู แต่อย่าอุ้มลูกขึ้นมา ต้องอดทนฟังเสียงร้องกรี๊ดของลูกบ้าง ลูกจะไม่รู้สึกแย่ กลายเป็นเด็กขี้โมโห หรือกลายเป็นเด็กขาดความอบอุ่นค่ะเพราะเรายังอยู่กับเขา และกำลังให้ความสนใจเขาอยู่
ปรับพฤติกรรมอย่างไร เมื่อลูกชอบกรี๊ด?
ลูกวัยนี้ ยังมีทักษะการสื่อสารด้วยภาษาพูดไม่ดีพอ เวลาโมโหบางคนใช้วิธีตี บางคนใช้วิธีกรีดร้องซึ่งบางครั้งพฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นเอง หรือเกิดจากการเลียนแบบได้ วิธีแก้ไขคือ ถ้าลูกกรี๊ดให้หันเหความสนใจลูกไปสู่กิจกรรมอื่น ทำสีหน้าเฉยๆ ลูกจะเรียนรู้ว่าการกรี๊ดไม่ได้ผลต่อพ่อแม่ ถ้ากรี๊ดเพราะแย่งของเล่น ให้เก็บของเล่นต้นเหตุ ไม่ให้เล่นต่อ เพื่อให้ลูกเรียนรู้ผลที่ตามมาว่า การกรี๊ดไม่ได้ช่วยให้ได้ของเล่น และเมื่อใดที่ลูกไม่กรี๊ด มีพฤติกรรมที่ดี ไม่ก้าวร้าว ให้รีบชมเชยทันที เป็นการให้แรงเสริมในทางบวกกับพฤติกรรมที่ดี เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ลูกไม่เป็นเด็กช่างกรี๊ดอีกต่อไปค่ะ
เรื่อง : พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด
https://www.mamaexpert.com