มหาหิงค์ุ กับ ไกร๊ปวอเตอร์ อันไหนแก้ท้องอืดลูกได้ดีกว่า

ลูกปวดท้อง ท้องอืด เลือกไม่ถูกว่าจะใช้อันไหนดี ระหว่าง มหาหิงค์ กับไกร๊ปวอเตอร์?

สาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยปวดท้อง และท้องอืดนั้น อาจเกิดจาก การที่คุณแม่ให้ลูกดูดนมมากเกินไป หรือดูดลมเข้ามากไปในขณะที่ดูดนมจากขวด ปล่อยให้ลูกได้ดูดขวดนมเปล่า หรือเป็นเพราะให้นมในท่าไม่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้กระเพาะทารกมีลมมาก ปวดท้องเพราะลมดัน ถ้าไม่อาเจียน ไม่มีการถ่ายอุจจาระออกมา ก็อาจทำให้ลูกมีอาการ “ท้องอืด” ได้

วิธีการที่เป็นนิยมมากและเป็นที่แพร่หลายก็คือ การให้ลูกกินไกร๊ปวอเตอร์ และการทามหาหิงค์เป็นต้น … แล้วตัวไหนละที่ใช้ได้ดีกว่ากัน และทั้งสองอย่างนี้ต่างกันตรงไหน วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน แต่ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกับตัวยาทั้งสองชนิดกันก่อนดีกว่าค่ะ

มหาหิงค์ คืออะไร?

คือ ชันน้ำมันหรือยางที่ได้มาจากหัวรากใต้ดินหรือลำต้นของพืชในตระกูล Ferula มีสีเหลืองอมสีน้ำตาลและมีกลิ่นฉุนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มหาหิงค์เป็นยาที่รู้จักกันมานานหลายชั่วอายุคน และเป็นที่รู้จักในหลายประเทศไม่เฉพาะคนไทย

สรรพคุณของยามหาหิงค์ 

ยามหาหิงค์มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ขับเสมหะ เป็นยาขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องแข็ง แก้อาการปวดท้อง ปวดกระเพาะ แก้บิด แก้อาการเกร็ง ช่วยย่อยอาหาร ขับประจำเดือนของสตรี แก้ปวด แก้อาการชักกระตุก เป็นต้น เป็นตัวยาที่ใช้สำหรับภายนอกเท่านั้น

คือ ยาน้ำชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะใส ๆ มีกลิ่นจาง ๆ สามารถซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยา ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยขับลม แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อแล้ว และยังเชื่อว่าสามารถช่วยแก้อาการโคลิค ได้อีกด้วยค่ะ

เป็นที่ทราบกันดีว่า ตัวยาทั้งสองชนิดนี้นั้น มีคุณสมบัติหนึ่งที่คล้ายคลึงกันนั่นคือ การแก้อาการท้องอืด ซึ่งทั้งสองชนิดนี้จะต่างกันอย่างไร แล้วแบบไหนจะดีกว่ากันนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

ยาทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันหรือไม่?

ต่างค่ะ ที่ต่างกันก็คือ วิธีการใช้นั่นเอง

• มหาหิงค์ วิธีการรับประทานคือ ใช้ทาหน้าท้อง ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หลังอาบน้ำ จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้ และกลิ่นของมหาหิงส์ที่สูดดมจะช่วยให้ขับลมออกมา ใช้ทาได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิด
• ไกร๊ปวอเตอร์ คือ รับประทานขณะมีอาการครั้งละ 2.5 – 10 มิลลิลิตร หรือรับประทานตามที่แพทย์แนะนำ โดยตัวยาจะออกฤทธิ์หลังจากที่ให้ลูกทานไปแล้วประมาณ 5 – 20 นาที สามารถใช้ได้กับเด็กเล็กช่วง 4 เดือนขึ้นไป โดยใช้ไซริงค์ป้อนยา หรือในกรณีที่ลูกอายุมากกว่า 6 เดือนก็สามารถผสมในอาหารเสริม

หากถามว่า ทั้งสองตัวยานี้ ตัวไหนดีกว่ากัน ก็คงตอบได้ยากใช่ไหมละคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณพ่อคุณแม่แล้วละค่ะ แต่ที่แน่ ๆ คุณพ่อคุณแม่จะต้องหาสาเหตุที่แท้จริงกันด้วยนะคะว่า ที่ลูกมีอาการท้องอืดนั้น ใช่อาการปกติ หรือเป็นเพราะลูกแพ้นมวัว หรือว่าอะไรกันแน่ เพื่อที่จะได้หาวิธีแก้ไขและป้องกันได้ทันท่วงที

ที่มา https://th.theasianparent.com