ข้อห้ามที่ควรระวังในการเลี้ยงดูลูกเพื่อไม่ให้เกิดเป็นปมในใจหรือมีนิสัยที่ก้าวร้าวรุนแรง วันนี้เรามี 10 อย่างที่พ่อแม่ต้องระวังและหลีกเลี่ยงในการเลี้ยงทารกมาฝากกัน
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์กับลูกน้อยด้วยนะคะ^^
ทารกและเด็กเล็กยังบอบบาง การเล่นกับเด็กด้วยการโยนลูกขึ้นลง แกว่งไปมา อาจสร้างความหวาดกลัวให้เด็ก และทำให้สมองที่บอบบางของเด็กได้รับแรงสั่นสะเทือน จนอาจเกิดผลกระทบหรือมีอาการบาดเจ็บในสมองได้
2. ห้ามคาดหวังให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ
พ่อแม่ทุกคนนอกจากอยากให้ลูกน้อยมีความสุขแล้ว คงอยากให้ลูกเป็นคนเก่งด้วย จึงมักวางแผนพาลูกไปเรียนพิเศษด้านต่าง ๆ ด้วยความคิดที่ว่า หากเด็กดูโตและมีความสามารถมากกว่าวัย คือเด็กฉลาด ความจริงแล้ว พ่อแม่มือใหม่ควรเรียนรู้ว่ากระบวนการเติบโตของเด็กเป็นอย่างไร เพราะการพาลูกทำอะไรที่ยังไม่เหมาะสมกับวัยของเขา จะทำให้เขาสูญเสียช่วงวัยเด็กที่มีค่าไปอย่างน่าเสียดาย ปล่อยให้ลูกได้เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ จะทำให้ลูกของเราพัฒนาทั้ง IQ และ EQ ได้ดีกว่าในระยะยาว
3. ห้ามฝากคนนั้นเลี้ยงลูกที คนนี้เลี้ยงลูกที
เข้าใจว่ายุคสมัยนี้ ทั้งพ่อและแม่ต้องช่วยกันทำมาหากิน ทำให้ไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก จำเป็นต้องฝากคนอื่นดูแล การทำอย่างนี้แม้พ่อแม่จะมีเวลาไปทำงาน แต่ผลเสียที่จะเกิดตามมามีมากมายนัก
4. ห้ามให้ลูกกินอาหารรสหวานมากเกินไป
แม้ความหวานจะไม่เป็นโทษต่อร่างกายของเด็กเท่าผู้ใหญ่ แต่ความหวาน โดยเฉพาะขนมก็ไม่สร้างประโยชน์แก่ร่างกาย เพราะจะทำให้ลูกของคุณเป็นคนติดรสหวานไปจนโต ซึ่งทำให้มีการสะสมน้ำตาลตั้งแต่วัยเด็ก เกิดเป็นต้นเหตุของสารพัดโรค
5. ห้ามใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีเลี้ยงลูก
การใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน เล่นเกมส์จากแท็บเล็ต หรือปล่อยให้รายการโทรทัศน์เลี้ยงลูกของเรา มีผลการวิจัยว่า เด็กอายุ 0-7 ปี ไม่ควรได้รับแสงรังสีจากหน้าจอ LCD เพราะเป็นอันตรายต่อสายตาและสมอง ซ้ำร้ายยังเกิดผลเสียต่อสมาธิและพฤติกรรมของเด็ก เนื่องจากภาพที่แวบไปแวบมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กสมาธิสั้น
ที่แออัดคนเยอะ ฝุ่นเยอะ ไม่ใช่สถานที่ที่ดีเลยสำหรับวัยเด็ก เพราะยังมีภูมิต้านทานโรคต่ำ หากเกิดอาจจะเจ็บป่วย อาจส่งผลให้ออกอาการรุนแรงกว่าที่เกิดในผู้ใหญ่อีกนะคะ
กล้วยไม่ใช่อาหารของเด็กทารก เพราะอาหารสำหรับเด็กทารก แรกคลอด - 6 เดือนคือนมแม่ล้วน กินนมแม่ไม่ได้ขาดสารอาหารใดๆเลย แต่กล้วยที่นำมาเอี่ยวนี่ต่างหากไม่ได้มีสารอาหารครบถ้วนที่เด็กต้องการเลย แพทย์ได้ออกมารณรงค์การให้อาหารที่ถูกต้องแก่เด็กทารก คนสมัยก่อนก็กลับไม่เชื่อในสิ่งที่หมอบอก เชื่อในประสบการณ์มากกว่า ผลกระทบที่ตาม เด็กลำไส้อุดตัน ลำไส้เน่า ผลเสียร้ายแรงจึงอยู่ที่เด็กนั่นเองค่ะ
• การดัดขาหลังอาบน้ำจะช่วยให้ขาตรงมากขึ้น ไม่จริง และไม่ควรทำ เพราะอาจทำให้ลูกเจ็บ
• การอุ้มเข้าสะเอวจะทำให้ขาโก่งมากขึ้น ไม่จริง และเช่นเดียวกับการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หมอแนะนำให้ทำเพื่อเป็นการรักษาภาวะข้อสะโพกเคลื่อน
9.ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ของเด็ก
ผิวเด็กบอบบางมาก ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ซักผ้า ล้างอุปกรณ์ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เพื่อความอ่อนโยนต่อผิว และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์แรงและมีสารตกค้างสูง
10.ห้ามเอาแป้งฝุ่นโรยจิ๊มิ และก้นเด็กแก้อับชื้น
ประเด็นนี้คุณแม่ยุคปัจจุบันก็ฮิตใช่เล่น เพราะเชื่อเหลือเกินว่า แป้งช่วยลดความอับชื้น แป้งลดการระคายเคือง แต่แม่ทราบหรือไม่??? แป้งมีคุณสมบัติที่คุณแม่เข้าใจผิด คือ แป้งต่างหากที่อมน้ำดูดซับความชื้นจากขาหนีบ จากขาหนีบที่เริ่มแดงก็กลายเป็นเชื้อราเพราะความอับชื่นจากแป้งที่แม่โรยไว้ดูดซับน้ำไว้กัดผิวเด็กลูกจึงเกิดอาการก้นแดง ขาหนีบอับชื้น
ดังนั้นหยุดเถอะค่ะ!!! หากกุมารแพทย์เป็นผู้ที่ออกมาแนะนำ ขอให้เชื่อในสิ่งที่แพทย์แนะนำมีวิทยาศาสตร์รองรับและผ่านการพิสูจน์มาแล้วนั้น ย่อมมีความปลอดภัยกว่าการเลี้ยงลูกตามความความเชื่อ อย่าเดิมพันชีวิตลูกหลายด้วยความเชื่อเลยค่ะ
ยังมีเรื่องพึงระวังอีกมาก สำหรับการเลี้ยงลูกเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ควรทำอะไรที่มากหรือน้อยเกินไป คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรไตร่ตรองข้อมูลและปรับใช้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสมกับครอบครัวนะคะ และเชื่อเถอะว่า คนที่มีลูกน้อย ๆ มีสัญชาตญาณความเป็นพ่อเป็นแม่อย่างแน่นอน