***ทำไมในยุคนี้ เราถึงเห็นเด็กตัวเล็กๆ เริ่มเรียนดนตรีกันเยอะขึ้น โดยเฉพาะเปียโน ที่เป็นเครื่องดนตรียอดฮิต ที่พ่อแม่มักส่งให้ลูกไปเรียนตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็กน้อยแล้วการเรียนดนตรีมันมีประโยชน์อย่างไร ทำไมจึงเป็นหนึ่งในวิชาที่ลูกควรจะได้เรียนล่ะ***
ลูกชอบเสียงร้องเพลงของแม่มากกว่าเสียงพูด พัฒนาการด้านการฟัง เป็นลำดับแรกสุดของเด็ก ลูกสามารถฟังทุกเสียงได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ โดยจะตอบสนองผ่านทางร่างกาย โดยพัฒนาการจะเพิ่มขึ้นตามแต่ละช่วงวัยไป ซึ่งการได้ยินของลูกจะเริ่มต้นตั้งแต่เขายังเป็นตัวอ่อน (fetus) อายุ 16 สัปดาห์ในท้องแม่ โดยระบบในการเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่ออวัยวะและประสาทส่วนกลางทำงานเชื่อมต่อกันในช่วงวัย 25 สัปดาห์ ดังนั้นในช่วงเวลานี้คุณแม่จะสามารถสื่อสารกับลูกได้ โดยวิธีการสื่อสารนั้นจำเป็นต้องสอดคล้องกับพัฒนาการด้านการรับรู้ของพวกเขาด้วย
เด็กวัยทารกจะมีความพึงพอใจในเสียงดนตรีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาสามารถรับรู้ระดับเสียงสูงๆ ต่ำๆ หรือในทางดนตรีเรียกว่า pitch ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ รวมถึงสามารถแยกแยะเสียงพูด-เสียงร้องเพลงของแม่ออกจากเสียงผู้หญิงคนอื่นได้
โดยที่ลูกจะตอบสนองต่อเสียงต่างๆ ได้ตั้งแต่ช่วง 3 สัปดาห์แรกหลังคลอด หากได้รับการกระตุ้นทางการได้ยินอยู่เสมอ ผ่านการฟังดนตรีตั้งแต่อยู่ในท้อง จะทำให้เขามีการตอบสนองต่อเสียงได้ดีขึ้น เมื่อเวลาแม่ปลอบหรือร้องเพลงให้ลูกฟัง จะทำให้เขารู้สึกสงบและผ่อนคลาย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ‘ลูกชอบเสียงร้องเพลงของแม่มากกว่าเสียงพูด’
ดนตรีและภาษา สองสิ่งนี้ล้วนมี ‘เสียง’ เป็นองค์ประกอบเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระดับเสียง ความถี่ เวลา และน้ำเสียง เด็กตั้งแต่วัยทารก เมื่อเกิดมาเขาจะมาพร้อมความรู้สึกที่ไวต่อเสียงทั้งดนตรีและเสียงพูดติดตัวออกมา และมีความสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้
1.แยกความต่างของระดับเสียงและจังหวะได้
2.จดจำการเคลื่อนที่ของแนวทำนองเพลงกับระดับเสียงในการพูด
3.รับรู้องค์ประกอบของเสียงในประโยคเพลงและประโยคคำพูด
4.จดจำเสียงดนตรีและคำพูด
5.สามารถออกเสียงได้
สมองของเด็กเรียนรู้ได้ดีมากกว่าผู้ใหญ่หลายพันเท่า โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 3 ปี สมองจะมีความตื่นตัวในการทำงานอย่างมาก จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเร่งพัฒนาการและการเจริญเติบโต จากการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
นอกจากพันธุกรรมแล้ว พบว่า ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนช่วยพัฒนาสมองได้ เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น โภชนาการ การเคลื่อนไหว ความรัก ความท้าทาย และ ‘ศิลปะ-ดนตรี’
“ดนตรีเป็นเสียงที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวลูก มีอิทธิพลต่อการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม หรือสติปัญญา หากเลือกใช้ดนตรีที่เหมาะสมก็จะช่วยพัฒนาระบบต่างๆ ภายในสมองของลูกให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้น”
“ดนตรีช่วยทำให้สมองสองซีกทำงานเชื่อมโยงกันได้ดี เพราะเสียงเพลงและจังหวะที่เหมาะสมจะกระตุ้นให้เกิดคลื่นสมอง ที่ช่วยเรียบเรียงความคิด การใช้เหตุผลความคิดสร้างสรรค์ การทบทวนความจำต่างๆ ได้”
การฟังดนตรีช่วยกระตุ้นความสนใจ เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการฟังตามประสบการณ์ของผู้ฟัง แต่จะส่งผลเพียงระยะสั้นเท่านั้น หากต้องการประโยชน์ในระยะยาวต้องลงมือเรียนรู้ ให้ลูกเล่นดนตรีด้วยตัวเอง เพราะความฉลาดเกิดได้ในกระบวนการเรียนรู้ และการฝึกที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้นอยากให้ลูกมีพัฒนาการที่ดี ควรหาหรือส่งเสริมกิจกรรมให้ลูกได้เรียนรู้ตรงกับช่วงเวลาที่สมองแต่ละซีกกำลังพัฒนา ในช่วง 3 ปีแรก อาจเน้นที่สมองซีกขวาก่อน หลังจากนั้นคำนึงถึงการพัฒนาสมองทั้งสองซีกให้ทำงานไปพร้อมกันอย่างสมดุล เพราะการเลือกมุ่งเน้นพัฒนาสมองไปด้านใดด้านเดียว ไม่ได้แปลว่าลูกจะเก่งด้านนั้นไปเลย แต่จะทำให้สมองทำงานอย่างไม่สมบูรณ์
และเสียงดนตรีก็เป็นตัวช่วยที่ดี ที่จะทำให้ลูกได้พัฒนาทักษะร่างกายต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในอนาคต
***รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมเปิดเพลง ร้องเพลงให้ลูกฟังบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกนะคะ ดนตรีคือศิลปะอย่างหนึ่งจะช่วยให้ลูกเราฉลาดได้จริงค่ะ ด้วยความปรารถนาดีจาก เด็กทารกEverything***
Cr . thepotential
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |