***หน้าฝนแล้วลูกมีน้ำมูก หายใจครืดคราด ตัวร้อน เพราะทารกภูมิคุ้มกันต่อไวรัสต่าง ๆอาจน้อยกว่าผู้ใหญ่แบบเรา มาศึกษากันดีกว่าว่าทารกมักจะป่วยด้วยโรคอะไรบ่อยที่สุด จะได้สังเกตุอาการคร่าวๆแล้ะจะได้เฝ้าระวังเพื่อนำอาการคร่าวๆไปแจ้งคุณหมอถูกค่ะ***
7 โรคกวนใจที่เด็กทารกทุกคนต้องเจอ!!!
1. โรคหวัด
โรคหวัดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทารกตั้งแต่วัย 3 เดือนขึ้นไป เป็นโรคที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ลูกน้อยเจ็บป่วยได้ง่าย เด็กบางคนไม่ได้เป็นแค่นี้ ยังมีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาอีก ซึ่งโรคนี้จะหายในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แถมยังติดกันได้ง่ายอีกด้วย บางครั้งพากันติดหวัดกันทั้งบ้านเลยก็มี ลักษณะอาการของหวัดในทารก เด็กที่เป็นหวัดจะมีไข้ 38-39.5 องศาเซลเซียส นอนไม่ได้กระสับกระส่าย ดูดนมลำบาก บางคนมีอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย
2.คออักเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบ
โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เวลาเป็นจะเห็นว่าต่อมทอนซิลบริเวณคอจะบวมโตขึ้น บางครั้งอาจเกิดหนองหรือแผลที่ต่อมด้วย ลักษณะอาการจะทำให้ทารกมีไข้สูง 38-39.5 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ไอ มีเสมหะ และอาจมีการอาเจียนร่วมด้วย หากทารกติดเชื้อจากแบคทีเรียจะมีอาการที่รุนแรงกว่า
3.หลอดลมอักเสบ
โรคนี้พบมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อที่หลอดลม ทำให้ลอดลมมีอาการบวม ตีบ เกิดการระคายเคือง มีเสมหะเหนียวข้นเป็นสีเขียวหรือเหลือง มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ บางคนจะไอหนักมากเมื่อถูกความเย็น
สำหรับหลอดลมฝอยอักเสบจะทำให้เด็กมีไข้ น้ำมูกไหล ไอก่อนสัก 2-3 วัน หายใจหอบแรงมีเสียงดัง ได้ยินเสียงที่ลำคอ เด็กบางคนตัวสีเขียวเลยก็มี โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ทำให้หลอดลมฝอยเล็กตีบลง ซึ่งพบมากในททารก 6 เดือน – 2 ปี
โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย หรือการสำลักอาหาร หรือสิ่งแปลกปลอม คุณแม่ต้องระวังให้มากๆ นะคะ เพราะเป็นสาเหตุการตายของทารกเลย ลักษณะอาการจะมีไข้ ไอมาก หอบเหนื่อยหายใจเร็ว จมูกบาน ถ้าไม่รีบรักษาเด็กอาเกิดหัวใจวายตายได้ ลักษณะของหัวใจวาย คือ อาการซีด ตัวเขียว หายใจหอบ หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรอ่อน จนสุดท้ายเสียชีวิตมากที่สุด
โรคนี้จะทำให้คนป่วยถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้งใน 1 วัน หรือถ่ายอุจจาระมีมูกหรือเลือดปน 1 ครั้ง หรือถ่ายเป็นน้ำ 1 ครั้ง สาเหตุมาจากการกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป ถ้าลูกน้อยเป็นไวรัสโรต้าจะมีน้ำมูกไหลคล้ายหวัดร่วมด้วย รวมถึงอาการอาเจียน ร่างกายอ่อนแอ กระหายน้ำ ริมฝีปากแห้ง หากไม่รีบรักษาอาจทำให้ลูกน้อยช็อคและหมดสติได้
เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส พบบ่อยในทารกอายุ 8 เดือน – 5 ปี ติดต่อกันทางน้ำมูก น้ำลายและเสมหะ เด็กที่ไม่เคยได้รับเชื้อหัดมาก่อนหรือไม่มีภูมิต้านทานโรคนี้ก็จะเป็นโรคนี้ได้ อาการจะแสดงให้เห็นหลังจากติดเชื้อ 1 สัปดาห์ โดยทั้งหมด 3 ระยะ ด้วยกัน
-ระยะแรกจะไอ น้ำมูกไหล ตาแดง และมีผื่นที่ปาก
-ระยะที่สอง เรียกว่าระยะผื่นออก ผื่นขึ้นหน้า คอ แขน ขา เหมือนอาการดีขึ้น เพราะไข้ลด แต่สังเกตได้ว่าเด็กจะมีอาการท้องเดินด้วย
-ระยะที่สาม เป็นระยะฟื้นตัว ผื่นจะสีคล้ำลง มีรอยเป็นน้ำตาลไหม้ ผิวหนังแห้งและลอก ไข้ลดลง ไม่มีน้ำมูกและตาแดง ยังคงไออยู่
นอกจากนี้ เด็กอาจมีอาการอื่นแทรกซ้อนขึ้น ได้แก่ ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ หลอดเสียงและหลอดลมอักเสบ
พบบ่อยมากในทารกตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี เกิดจากการสัมผัสเชื้อ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วน เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถเกิดขึ้นอีกได้ เนื่องจากเมื่ออาการของโรคหายไปมันจะยังคงอยู่ในร่างกาย และรอที่จะแสดงอาการออกมาเมื่อร่างกายอ่อนแอและขาดสารอาหาร ลักษณะอาการคือ จะมีตุ่มใสๆ กระจายตามริมฝีปาก ทำให้เจ็บปวด ทานอาหารทานนมไม่ได้ และมีไข้
……รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมเฝ้าระวัง กำจัดปัจจัยเสี่ยง และดูแลลูกอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันลูกจากโรคต่างๆที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นนะคะ เพราะลูกป่วยมาครั้งนึงพ่อแม่เหนื่อยแทบตาย สงสารลูกแทบขาดใจ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้นะคะ......
ที่มาบทความ : tru.ac.th
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |