ความเชื่อผิดเรื่องการเลี้ยงทารก
** คุณแม่คะ?? รู้ใหมว่าความเชื่อผิดๆ อาจส่งผลต่อทารกถึงขั้นอันตรายได้เลยทีเดียว มาดูกันค่ะ 10 ความเชื่อผิดๆ การเลี้ยงทารกจะมีอะไรบ้าง **
พ่อๆแม่ๆ อยากให้ลูกจมูกโด่ง ขาตรง หัวทุยสวยๆ แต่ความเชื่อที่ส่งต่อผ่านรุ่นสู่รุ่นจากปู่ย่าตายายทำแบบนี้แล้วจะถูกหรือไม่ มีผลกระทบกับทารกยังไง มาดูกันเลยค่ะ
1.รถหัดเดินช่วยให้เดินเร็วขึ้น
การใช้รถหัดเดินไม่ควรนำมาใช้กับทารกค่ะเพราะเป็นอันตรายมาก ในขณะที่ทารกทรงตัวหรือเคลื่อนไหวในรถหัดเดินนั้น เขาจะมองไม่เห็นเท้าของตัวเอง ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย อย่างเช่น การตกบันได และทำให้เดินช้าด้วย จากการวิจัยยังพบว่าร้อยละ 10.8 ของเด็ก 185 คน ที่ใช้รถหัดเดินเป็นประจำ จะมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวช้ากว่าเด็กที่ไม่ได้ใช้ค่ะ
2.ห้ามตัดเล็บจนกว่าจะครบ 1 เดือน
หลายๆคนมีความเชื่อว่าถ้าตัดเล็บทารกก่อนครบ 1 เดือน ทารกจะไม่สบาย จริงๆแล้วความเชื่อนี้เป็นเพียงกลอุบายเพื่อระวังไม่ให้เราตัดเล็บทารกนั่นเองค่ะ แต่ถ้าเห็นว่าเล็บลูกยาวแล้วก็ควรหาที่ตัดหรือตะไบสำหรับทารกมาค่ะ เพราะเล็บจะข่วนหน้าลูกได้
3.บีบจมุกเพื่อให้ลูกจมูกโด่ง
พ่อแม่หลายคงอยากให้ลูกมีจมูกโด่งเป็นสันสวยๆ จริงๆแล้วทารกเกิดมาด้วยจมูกเล็กแบน ไม่มีดั้งสันนูนออกมาค่ะ ซึ่งการบีบจมูกไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าจะทำให้ลูกจมูกโด่งได้จริง แต่จมูกจะโด่งหรือไม่ต้องดูพันธุกรรมของพ่อแม่ที่ถ่ายทอดให้ลูกค่ะ ดังนั้นการบีบจมูกทารกหากทำผิดที่อาจทำให้จมูกเกิดอักเสบได้ค่ะ
4.ใช้ปัสสาวะกวาดลิ้นป้องกันฝ้าขาว
เป็นความเชื่อที่ผิดและน่ากลัวมากค่ะ เพราะการนำปัสสาวะซึ่งเป็นของเสียที่ขับถ่ายออกมาจากร่างกาย นำมาล้างช่องปาก จะทำให้ทารกได้รับเชื้อโรคต่างๆเข้าสู่ร่างกายโดยตรงค่ะ ดังนั้นวิธีที่ถูกต้องคือการใช้ผ้าสะอาดหรือผ้าก้อตชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วมาเช็ดตามลิ้น แบบนี้ทารกก็จะปลอดภัยหายห่วงค่ะ
5.โกนผมไฟผมจะดกดำ
ความเชื่อที่ว่าผมเด็กจากในครรภ์แม่เป็นผมที่ไม่สะอาดและหลุดร่วงง่าย จึงต้องโกนทิ้ง การโกนผมนั้นจริงๆ แล้วไม่ได้ทำให้ผมดกดันขึ้นแต่อย่างไรค่ะ เพียงเพื่อรักษาความสะอาดของทารก เพราะช่วงทารก 2-3 เดือนทารกจะมีผมที่บอบบางหลุดร่วงง่าย ดังนั้นผมจะดกดำหรือไม่ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของพ่อแม่ค่ะ หากพ่อแม่มีผมที่ดกดำลูกก็จะมีโอกาสผมดกดำเช่นกันค่ะ6.นอนคว่ำทำให้รูปหัวสวย
คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจก่อนว่าทารกช่วง 1-3 เดือนแรก ทารกยังขยับร่างกายช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มากค่ะ ซึ่งในช่วงเวลานี้อย่าเพิ่งให้ทารกนอนคว่ำเพื่อป้องกันภาวการณ์ตายเฉียบพลันค่ะ เกิดจากการนอนคว่ำจนกดทับจมูกและปากและขาดอากาศหายใจค่ะ
7.ทารกตัวเหลืองเพราะไม่ได้กินน้ำ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังสงสัยจริงๆแล้ว ภาวะตัวเหลืองเป็นภาวะปกติที่พบได้ในทารกแรกเกิด 2-3 วันหลังคลอดค่ะ และอาการจะหายไปภายใน 2 สัปดาห์ โดยไม่มีอันตรายใดๆ สาเหตุมาจากสารสีเหลืองที่เรียกว่า “บิลิรูบิน” ในเลือดสูงกว่าปกติ โดยจะกำจัดออกจากร่างกายผ่านทางตับ ซึ่งตับของทารกแรกเกิดยังทำงานได้ไม่เต็มที่มากนัก ทำให้ต้องใช้วิธีขับสารเหลืองผ่านทางอุจจาระซึ่งทำได้ช้าและมีอาการตัวเหลืองนั่นเองค่ะ นอกจากนี้การป้อนน้ำให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนอาจทำให้เด็กติดเชื้อและเกิดอันตรายได้ค่ะ
8.ดัดขาตั้งแต่ทารกเพื่อไม่ให้โตมาลูกขาโก่ง
ทารกเมื่อเกิดมาจะมีรูปร่างลักษณะคล้ายขาโก่งซึ่งเป็นลักษณะธรรมชาติปกติของทารกค่ะ โดยมีลักษณะขาโค้งออก โก่งออกนอก หัวเข่าทั้งสองข้างห่างกัน จะพบในช่วงก่อน 2 ขวบค่ะ ซึ่งเมื่อ 2 ขวบขึ้นไปขาจะเริ่มเหยียดตึงมากขึ้นและเริ่มเดินได้ค่ะ ดังนั้นอย่าเพิ่งดัดขาทารกเพราะอาจทำให้กระดูกเกิดความเสียหายหรือมีโอกาสหักได้ค่ะ แต่ถ้าลูกโตครบ 2 ขวบแล้วยังมีอาการขาโก่งอยู่ควรปรึกษาแพทย์โดยตรงได้เลยค่ะ
9.นอนคว่ำทำให้รูปหัวสวย
แต่การนอนคว่ำก็ยังมีข้อดีค่ะ แต่ควรให้ลูกนอนได้อย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป หรือทารกเริ่มสามารถพลิกตัวเองได้ สามารถชันคอขึ้นมาเองได้ ซึ่งการนอนคว่ำก็ช่วยให้ลูกมีหัวทุยสวยและปอดขยายทำงานได้ดีค่ะ และในขณะที่ลูกนอนคว่ำเราควรดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ
10.นมแม่รักษาตาแดงได้
จริง ๆ แล้วน้ำนมของแม่มีสารสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีต่อทารก คือ แอนติบอดี หรือ อิมมิวโนโกลบูลิน โดยสารตัวนี้มีหน้าที่ตรวจจับและทำลายสิ่งแปลกปลอม เช่น แบคทีเรียและไวรัส ดังนั้นจริงที่ว่าน้ำนมแม่สามารถรักษาตาแดงได้ แต่ดวงตาที่ติดเชื้อนั้นสามารถพบเชื้อได้หลายรูปแบบ ซึ่งในบางเชื้อน้ำนมของคุณแม่ก็ไม่สามารถรักษาได้ค่ะ หากใช้น้ำนมหยดลงตาลูกแล้ว ลูกยังมีขี้ตาหรือมีอาการบวมแดงให้พาลูกไปพบแพทย์ทันทีนะคะ
** คุณพ่อคุณแม่คงเห็นแล้วใช่มั้ยคะว่าความเชื่อผิดที่ได้ยินต่อๆ กันมาจากบรพบุรุษเรานั้น บ้างเรื่องไม่เป็นความจริง บ้างเรื่องมีผลเสี่ยงต่อทารก ดังนั้นทางที่ดีและปลอดภัยที่สุดควรรับคำปรึกษาจากแพทย์โดยตรงนะคะ**
“ไม่มีมิตรภาพหรือความรักใดๆ เหมือนที่พ่อแม่มีให้ลูก”
หน้าที่เข้าชม | 2,838,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,497,358 ครั้ง |
เปิดร้าน | 14 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ส.ค. 2568 |